ในวันที่ 11 ตุลาคม 2568 นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนวิจัยและประเมินผล ร่วมลงพื้นที่ติดตามการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ) และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับการพัฒนาภาคการเกษตร ได้เน้นย้ำการลดต้นทุนการผลิต โดยให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ให้คำแนะนำเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ย และชีวภัณฑ์อย่างเหมาะสม
ต่อมาได้ตรวจติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำกก ณ เขื่อนเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย โดยรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งพิจารณาการสร้างประตูระบายน้ำดักตะกอน บริเวณต้นน้ำ เขตอำเภอแม่อาย เพื่อกรองและลดการไหลของสารปนเปื้อนก่อนเข้าสู่พื้นที่จังหวัดเชียงราย ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และกรมประมง ร่วมตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสัตว์น้ำ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทรัพยากรเหล่านี้ปลอดภัยต่อการบริโภค ตลอดจนหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับอุปโภคบริโภคให้ประชาชนเพื่อไม่ต้องใช้น้ำหลักจากแม่น้ำกก และคลายความกังวล
หลังจากนั้น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กษ.ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเวียงชัย เพื่อรับปัญหาและความต้องการของพื้นที่โดยผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่นนำเสนอโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยการขุดลอกหนองหลวง โครงการพัฒนาฟื้นฟูหนองหลวง โครงการก่อสร้างระบบสูบน้ำผันแม่น้ำกกด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมทั้งมอบหมายให้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและพัฒนาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี รมช.กษ. นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เป็นประธาน เพื่อเร่งดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
โอกาสนี้ รมว.กษ. ธรรมนัส ได้มอบสิ่งของและปัจจัยการผลิต อาทิ โฉนดเพื่อการเกษตร พันธุ์สัตว์น้ำ น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ รวมทั้งปัจจัยการผลิตโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย และยืนยันยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ภายใน 3 เดือน เพื่อแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย













